N’ Boss, AIL Madrid

ขอบคุณประสบการณ์ดีๆจากทาง IEC Abroad นะครับที่ทำให้บอสได้มาเรียนภาษากับเจ้าของภาษาที่ประเทศสเปน พี่ๆให้ความช่วยเหลือดีมากตั้งแต่เริ่มเตรียมการไปจนถึงเราไปเรียนที่มาดริดเลย แม้จะมาเรียนแล้วแต่พี่ๆก็ยังมีติดต่อมาพูดคุยคอยสอบถามความสบายอยู่ตลอดเวลา ทำให้เราสบายใจมากขึ้น เพราะที่นั้นคนสเปนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยใช้ภาษาอังกฤษ ทำให้ช่วงแรกๆก็จะมีปัญหาบ้าง เวลาที่จะยื่นเอกสารขอบัตรนักเรียนหรือรายละเอียดต่างๆพี่ๆทาง IEC Abroad จะคอยสอบถามกับทางโรงเรียนให้เรา ต้องบอกก่อนว่าที่มาดริดมีคนไทยน้อยมาก ช่วงแรกๆที่ผมไป ก็ไม่เจอคนไทยเลย จะมีแต่เพื่อนต่างชาติเท่านั้น ซึ่งมันเป็นเรื่องดีสำหรับผมเพราะว่าเราจะได้ภาษาเร็วขึ้นมาก เมื่อสภาพแวดล้อมมันบังคับให้เราต้องใช้ภาษาสเปนอยู่ตลอด ผมมาเรียนภาษาสเปนแบบคนที่ไม่มีความรู้ติดตัวมาเลย คือเริ่มตั้งแต่ ABC ใช้เวลาเรียนทั้งหมด 6 เดือนจนมาถึงระดับ Intermidiate (A1-B1) ก็อยากจะบอกสำหรับคนที่ไม่เคยมีพื้นฐานภาษาที่ 3เลย แล้วอยากจะลองมาเรียนภาษาสเปนหรือภาษาอื่นๆที่นอกเหนือจากภาษาอังกฤษ ว่าจริงๆแล้ว มันไม่อยากอย่างที่คิด จะมีแค่เดือนแรกที่อาจจะยังฟังอาจารย์ไม่เข้าใจเพราะเขาจะพูดแค่ภาษาสเปนเท่านั้น เราต้องใช้สมาธิในการทำความเข้าใจกับท่าทางและภาพที่เราเห็นตรงหน้า แล้วจากนั้นก็ค่อยกลับมาทบทวนเองที่หอพัก แล้วหลังจากเดือนที่2 เราก็จะเริ่มเข้าใจและฟังคนสเปนง่ายขึ้น

ค่าใช้จ่ายในสเปนแพงไหม

: ค่าครองชีพถือว่าย่อมเยาว์สุดในยุโรปครับ ถ้าไม่เข้าร้านอาหาร ซื้อของจากซุปเปอร์มาทำทานเองก็ไม่ได้แพงครับ พอๆกับเมืองไทยนะ ที่สเปนจะมีข้อดีอย่างคือ ถ้าเรามีวีซ่าระยะยาว (นักเรียน,ทำงาน,อาศัย) เราจะสามารถทำบัตรโดยสารรายเดือนได้ (อายุไม่เกิน 26ปี) จ่ายแค่ 20 ยูโรต่อเดือน, (อายุ 26 ปีขึ้นไป) 50 ยูโรต่อเดือน, เราสามารถใช้ขนส่งสาธารณะทุกอย่างในมาดริดได้หมด ส่วนค่าโทรศัพท์ ผมใช้ เครื่อข่าย Orang จ่ายเดือนละ 20 ยูโร เน็ตใช้ได้ไม่จำกัดความเร็วสูงสุด 10GB.

อยากได้ภาษาเร็วๆควรจะเริ่มยังไง

:ผมอยู่แต่กับคนสเปน เวลาเที่ยวหรือปาตี้ก็จะปาตี้แต่กับคนสเปน มันจะทำให้เราได้ฝึกภาษาเรียนรู้วัฒธรรมของเขา เพราะคนสเปนเวลาเขาพูดกันเขามักจะใช้แต่สำนวน ยิ่งเราอยู่กับคนสเปนมากเท่าไหร่ มันจะทำให้ภาษาของเราใกล้เคียงกับเขามากขึ้นเท่านั้น

การเรียนการสอนเป็นยังไง

: ก่อนจะเริ่มเรียน เขาจะมีให้เราทำการทดสอบก่อนเพื่อจัดให้เราอยู่กับกลุ่มที่เหมาะสม และยิ่งเราเรียนสูงขึ้น ทดเรียนก็จะเป็นการพูดคุยกันแสดงความคิดเห็น ทำให้เราได้ฝึกการใช้ภาษาและจดจำได้เร็วยิ่งขึ้น

สเปนเป็นเมืองอันตรายจริงไหม

: ก่อนผมมาก็มีคนพูดเยอะครับว่า สเปนอันตรายมีแต่โจรล้วงกระเป๋า ถามว่ามันอันตรายไหม บอกเลยว่า ไม่อันตรายขนาดนั้นเดินไปไหนมาไหนตอนดึกได้สบาย ไม่มีคนมาทำอะไรแน่นอน เพราะกฎหมายที่บ้านเขามันแรงมาก ผมมาอยู่7เดือน ยังไม่เคยเจอคนต่อยกันเลย อย่างมากก็แค่เถียงกัน แล้วก็แยกย้าย ส่วนพวกล้วงกระเป๋ามีเยอะไหม มันก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น ถ้าเราระวังกระเป๋า ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร อย่างผมมาอยู่ที่นี้ เวลาจะออกไปไหนผมพกแค่กระเป๋าใส่บัตรก็พอ เงินสดไม่จำเป็นเพราะที่นี้เกือบทุกร้านเขาจ่ายบัตรได้ อยู่ที่นี้พกแค่บัตร 3 ประเภทนี้พอ (บัตรนักเรียน,บัตรรถไฟ,บัตรATM (Visa,Master card)

วัฒธรรมที่น่าสนใจในมาดริด

1.คนสเปนจะปาตี้กันแค่ ศุกร์และเสาร์เท่านั้น แต่เวลาปาตี้ทีเขาก็จัดหนักจัดเต็มกันเลยทีเดียว เริ่มตั้งแต่ 6 โมงเย็น ยัน 9 โมงเช้าของอีกวัน แล้วเขาจะนิยมท่องไปตามบาร์เผื่อดื่มเบียร์ฟรี คนละแก้วแล้วก็ตะลอนไปบาร์อื่นต่อ จึงค่อยไปหยุดที่ผับตอนหลังเที่ยงคืน เผื่อเข้าไปเต้นฟรี.

2.สงสัยอะไรเราสามารถถามเขาตรงๆได้เลย ไม่ต้องพูดอ้อมค้อม คนสเปนเวลาเรามีคำถามหรือไม่พอใจอะไร ให้ถามออกไปเลย เพราะวัฒธรรมของเขาถูกสอนว่าให้ถามทุกครั้งที่สงสัย แล้วเวลาเขาอธิบาย เขาจะอธิบายละเอียดมาก และเขาจะถามเราว่าเข้าใจเข้าไหม ข้อย้ำว่าห้ามโกหก เพราะถ้าเขารู้สึกว่าเราไม่เข้าใจ เขาจะอธิบายใหม่ไปเรื่อยๆ ด้วยความที่ติดนิสัย ไม่เข้าใจแต่ก็ชอบตอบว่าเข้าใจ เพราพติดเกรงใจไม่อยากให้เขาพูดซ้ำหลายๆรอบ ช่วงแรกๆก็จะโดนเขาจับได้ตลอด ว่า”เธอพูดว่าเข้าใจ แต่สีหน้าเธอมันบอกว่าเธอไม่เข้าใจ” คนสเปนจะไม่ปล่อยผ่าน เรื่องนี้เลย จนกว่าเราจะเข้าใจเขาจริงๆ

3.คนสเปนนิยมการออกไปสังสรรค์ข้างนอกหรือเชิญเพื่อนมาทานข้าวที่บ้าน มากกว่าที่จะอยู่ตัวคนเดียวและเขาเป็นชาติที่ดื่มเบียร์ ดื่มไวน์ เก่งมากก คือดื่มตลอดเวลา เพราะฉะนั้นถ้าเรามีเพื่อนเป็นคนสเปน ก็ไม่ต้องกลัว อดเลย เพราะเขาจะเชิญเราไปปาตี้ประจำ

4.ความแตกต่างระหว่าง มาดริดกับบาเซโลน่าก็คือ คนส่วนมากในมาดริดจะพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ แม้แต่พนักงานธนาคาร ถ้าไม่ใช่บ่ายนักท่องเที่ยวจริงๆ โอกาสที่จะเจอพนักงานพูดภาษาอังกฤษได้นั้น ยากมาก ซึ่งตรงข้ามกับบาเซโลน่า ที่แทบจะทุกคน พูดภาษาอังกฤษได้หมด

5.มาดริดเป็นเมืองที่เวลาคนคุยกันกับคนทะเลาะกันแทบแยกไม่ออก เพราะเขาคุยกันเสียงดังและกระแทกเสียงมาก มาแรกๆอาจจะคิดว่าเขาเป็นชาติที่ขี้โมโห แต่จริงๆแล้วไม่ได้มีอะไร เขาแค่พูดเสียงดังและใส่อารมณ์ในทุกๆคำพูด

6.สเปนเป็นชาติที่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวมากที่สุดชาตินึงเลยก็ว่าได้ อันนี้ได้รับการยืนยันเพิ่มจาก แม่,พี่สาวและแฟนพี่สาว ที่ตามไปเที่ยวด้วยกัน จากการไป ปารีสและมาดริด พวกเขายื่นยันเหมือนกันว่า คนสเปนดูเป็นมิตรกับชาวต่างชาติมากที่สุด แถมเวลาไปคุยกับเพื่อนชาติอื่นๆในยุโรป ทุกคนก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ใช่”

7.การเต้นคือหัวใจสำคัญของชาวสเปน ทุกคนเหมือนมีจังหวะในหัวใจกันมาตั้งแต่เกิด ถ้าเป็นคนที่รักการเต้นเป็นชีวิตจิตใจ สเปนก็คือสถานที่ ที่ควรแวะไปเยี่ยมเลยทีเดียว

8.ถ้าอยากจะรู้ว่าบาร์ไหนอาหารอร่อย ให้ก้มดูที่พื้น ถ้ามีเศษกระดาษตกอยู่เยอะ แสดงว่าร้านนั้นอาหารอร่อย วัฒธรรมสเปนคือ บาร์ยิ่งรกแสดงว่าอาหารอร่อยมาก

9.เวลาไปHang outกับคนสเปน มันจะมีวัฒธรรมการซื้อเบียร์ก็คือ ผลัดกันจ่ายวนไปจนครบคนในกลุ่ม และการดื่มแบบคนสเปนคือ ต้องค่อยๆจิบทีละนิดๆ เน้นเต้นไม่เน้นดื่ม ข้อควรระวัง ถ้าอยากจะไปเที่ยวกลางคืน ควรระวังเรื่องการดื่ม อย่าดื่มจนเมาขาดสติควบคุมตัวเองไม่ไหว เพราะการ์ดคุมผับจะไม่ให้เราเข้าไปรบกวนแขกคนอื่นๆ และในขณะเดียวกันเขาก็จะลากเราออกจากผับด้วยถ้าเราเมาจนควบคุมตัวเองไม่ได้ในผับเขา

10.ข้อแนะนำโดนส่วนมากอาจจะเกี่ยวกับปาตี้มากเกินไปหน่อย ไม่ค่อยเน้นไปทางการเรียนมากนัก คืออยากจะบอกว่าการเรียนภาษาถ้าอยากให้ได้ผลเร็วคือเราต้องนำออกไปใช้กับเจ้าของภาษา ในห้องเรียนด้วยเวลาจำกัดแค่4-5ชม.ต่อวัน ถามว่าเราได้ไหม เราได้นะ แต่มันเป็นแค่รูปแบบของหลักไวยกรณ์ที่รอให้เราไปต่อยอดกับไวยกรณ์ที่คนสเปนใช้พูกกันจริงๆ ส่วนกิจกรรมเราสามารถเข้าร่วมได้เพื่อหาเพื่อนใหม่ได้เช่นกัน แต่จากประสบการณ์เพื่อนที่เราเจอในกิจกรรมส่วนมากจะใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารกันมากกว่าที่จะใช้ภาษาสเปน ทำให้ช่วงหลังผมจึงเริ่มออกไปหาเพื่อนสเปนบ้าง เพื่อจะให้เราได้มีเพื่อนหลายๆช่องทาง ทำให้ภาษาพัฒนาไปเร็วยิ่งขึ้น ข้อควรระวังคือ พยามอย่าจับกลุ่มกับคนชาติเดียวกันมาก เพราะสุดท้ายเราจะไม่ได้ภาษาไหนเลย นอกจากภาษาไทย อย่างของผม มันใช้แค่2ภาษา คือ อังกฤษและสเปน ยังไงมันก็ได้เป็นการฝึกใช้ทั้ง2ภาษาควบคู่กันไปอยู่แล้ว.

 

สนใจโปรโมชั่นนี้

โปรโมชั่น อื่นๆ